SNOWFLAKES

  การเกิดเกล็ดหิมะแบบเสากลวง (Hollow Columns) ❄เป็นรูปแบบหนึ่งของผลึกหิมะที่เกิดขึ้นในสภาพอากาศหนาวเย็นและชื้น ในสภาวะที่อุณหภูมิอยู่ระหว่างประมาณ -5°C ถึง -10°C เกล็ดหิมะรูปแบบเข็ม Needles  เ กล็ดหิมะแบบเข็มมักเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิอยู่ในช่วงประมาณ -3°C ถึง -6°C ลักษณะของเกล็ดหิมะแ บบเสากลวง (Hollow Columns) รูปร่าง : เกล็ดหิมะแบบเสากลวงมีลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอกที่มีช่องว่างภายใน คล้ายกับท่อหรือเสา การเกิด : เกิดขึ้นเมื่อไอน้ำในอากาศเย็นจัดจับตัวเป็นน้ำแข็งรอบแกนกลาง ทำให้เกิดโครงสร้างที่เป็นเสากลวง เงื่อนไข : รูปแบบนี้มักเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิอยู่ในช่วง -5°C ถึง -10°C ซึ่งเป็นช่วงที่การสะสมตัวของน้ำแข็งเกิดขึ้นเร็วและมีทิศทางชัดเจน การพบเห็น เกล็ดหิมะแบบเสากลวงและเข็มมักพบเห็นได้ในช่วงฤดูหนาวที่มีอุณหภูมิต่ำมาก และอากาศมีความชื้นพอสมควร เกล็ดหิมะเหล่านี้มีความเปราะบางและง่ายต่อการแตกหักเมื่อสัมผัส

  เกล็ดหิมะรูปแบบปริซึม (Solid prisms) เป็นหนึ่งในรูปแบบของเกล็ดหิมะที่เกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขทางอุณหภูมิและความชื้นที่เฉพาะเจาะจง เกล็ดหิมะแบบปริซึมมีลักษณะเป็นผลึกน้ำแข็งที่มีรูปทรงเรขาคณิตที่ชัดเจน  การเกิดเกล็ดหิมะรูปแบบปริซึม อุณหภูมิ: เกล็ดหิมะแบบปริซึมมักจะเกิดขึ้นในสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิประมาณ -3°C ถึง -8°C ซึ่งเป็นช่วงอุณหภูมิที่เอื้อต่อการเติบโตของผลึกน้ำแข็งในรูปแบบที่เป็นปริซึมมากกว่าในรูปแบบที่มีแฉกหรือกิ่งก้าน ความชื้น: ความชื้นในอากาศที่ไม่สูงมากนัก (ไม่อิ่มตัว) จะส่งผลให้การเจริญเติบโตของผลึกน้ำแข็งมีลักษณะเป็นปริซึมที่เรียบง่ายมากกว่าการเกิดกิ่งก้านซับซ้อน ลักษณะของผลึก: ผลึกน้ำแข็งที่เกิดขึ้นในรูปแบบปริซึมจะมีโครงสร้างพื้นฐานที่เรียบง่ายและเป็นทรงปริซึม เช่น ทรงแท่งหกเหลี่ยม หรืออาจเป็นทรงแผ่นบางๆ ที่มีพื้นผิวเรียบ

  ความสมมาตรของเกล็ดหิมะ นั้น เกิดจากโครงสร้างผลึกน้ำแข็งปกตินั้นมีโครงสร้างผลึกหกเหลี่ยม บนระนาบฐาน (basal plane) เมื่อละอองน้ำในชั้นบรรยากาศเกิดการควบแน่นและแข็งตัวเป็นผลึกน้ำแข็ง มันจะเกาะตัวกันตามโครงสร้างผลึกหกเหลี่ยมนี้ ทำให้เกล็ดหิมะมีรูปร่างเป็นสมมาตรแบบหกด้าน เช่นรูปแบบ  นอกจากนี้  ยังมีผลึกหิมะรูปแบบต่างๆอีกมากมาย ที่พบเห็นได้ทั่วไปเช่น  แบบปริซึม Solid prisms  แบบเข็ม Needles แบบเสากลวง Hollow columns แบบเดนไดรท์ Dendrite แบบแผ่นรูปดาว stellar เป็นต้น

เกล็ดหิมะรูปแบบเดนไดรท์❅ (Dendritic snowflakes) เป็นหนึ่งในประเภทของเกล็ดหิมะที่มีลักษณะซับซ้อนและสวยงามมากที่สุด มักจะเกิดขึ้นในอุณหภูมิระหว่าง -12°C ถึง -18°C ลักษณะของเกล็ดหิมะชนิดนี้จะมีการแตกแขนงคล้ายกับต้นไม้หรือกิ่งไม้ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "เดนไดรท์" ที่มาจากภาษากรีกคำว่า "δενδρίτης" (dendritēs) ที่แปลว่า "ต้นไม้" 1. การก่อตัวของแกนกลาง: เมื่ออุณหภูมิลดลงต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง หยดน้ำขนาดเล็กในอากาศจะเริ่มเยือกแข็งกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆ ที่เรียกว่า "แกนกลาง" ของเกล็ดหิมะ 2. การเติบโตของแขนง: อุณหภูมิและความชื้นในอากาศมีผลอย่างมากต่อการเติบโตของเกล็ดหิมะ หากมีความชื้นสูง เกล็ดหิมะจะสามารถเติบโตได้รวดเร็วและมีแขนงที่ซับซ้อน 3. การเกิดโครงสร้างหกเหลี่ยม: เกล็ดหิมะทุกรูปแบบจะมีโครงสร้างพื้นฐานเป็นหกเหลี่ยม ซึ่งเกิดจากโครงสร้างโมเลกุลของน้ำที่จับตัวกันในรูปแบบที่เสถียรที่สุดในอุณหภูมิที่เยือกแข็ง 4. การแตกแขนงออกไปเรื่อยๆ: เมื่อมีการเพิ่มขึ้นของความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสม แขนงของเกล็ดหิมะจะเติบโตขึ้นและแตกแขนงออกไปเรื่อยๆ ทำให้เกิดรูปแบบที่ซับ...

       รูปร่างของผลึกน้ำแข็งหรือเกล็ดหิมะนั้น มีลักษณะเป็นผลึกใสที่มีลักษณะสมมาตรและมีรูปร่างสวยงามหลายรูปแบบทั้งแบบกิ่งก้าน แท่ง หรือ แบบแผ่น      โดยที่เกล็ดหิมะเกิดเป็นรูปทรงซับซ้อนเมื่อมันเคลื่อนผ่านอุณหภูมิและเขตความชื้นที่ต่างกันในบรรยากาศ ทำให้เกล็ดหิมะแต่ละเกล็ดมีรายละเอียดต่างกัน แต่สามารถจำแนกหมวดได้กว้าง ๆ เป็น 8 หมวด หิมะมองเห็นเป็นสีขาวแม้เกิดขึ้นจากน้ำแข็งใสไม่มีสี ทั้งนี้ เนื่องจากการสะท้อนกระจายในสเปกตรัมของแสงโดยผิวหน้าราบผลึกขนาดเล็กของเกล็ดหิมะ   แล้วทำไมเกล็ดหิมะถึงสมมาตรได้

หิมะที่เราเห็นเล็กๆปุยๆนั้นแท้จริงแล้วมีรูปแบบโครงสร้างผลึกที่น่าสนใจและแตกต่างกันออกไปหลายแบบแค่ตาเรานั้นไม่สามารถมองเห็นได้ แล้วโครงสร้าพวกนี้เกิดขึ้นอย่างไร มีหน้าตาแบบไหนบ้าง วันนี้เราจึงได้สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบของเกล็ด หิมะมาให้ดูกันค่ะ หิมะเกิดจากอะไร ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักและกระบวนการเกิดของหิมะกันก่อนดีกว่าค่ะ “หิมะ”เ กิดจากไอน้ำในอากาศที่มีสถานะเป็นแก๊ส ระเหิดกลับเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง จับตัวกันเป็นผลึกน้ำแข็งและตกลงมาบนพื้นผิวโลก โดยส่วนใหญ่จะมีรูปทรงสมมาตรแบบ 6 แฉก